ให้เงินงอกเงย กับ
กองทุนเด็ด ที่คัดมาอย่างดีให้คุณ
Grow your wealth with expertly cut gems.
กองทุนรวม
การลงทุนในกองทุนรวม คือตัวเลือกที่ดีกว่า สําหรับคนที่ไม่มีเวลาศึกษา ไม่มีประสบการณ์ลงทุนมากพอ หรือไม่มีเวลาติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากกองทุนรวมมีผู้จัดการกองทุน ที่มีความเชี่ยวชาญและใบอนุญาตดูแลสินทรัพย์ที่นําเงินลงทุนของเราไปลงทุนต่อในสินทรัพย์ต่างๆ อาทิ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ ทอง อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ ซึ่งผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ในหลากหลายประเภท และสัดส่วนสินทรัพย์ ตามนโยบายของกองทุนรวมนั้นๆ
ทําไมถึงควรลงทุนกองทุนรวมกับเรา ?
InnovestX คือ แอปลงทุนกองทุนรวม และสินทรัพย์อื่นๆ ครอบจักรวาล ช่วยให้คุณเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้ว
ลงทุนกองทุนกับ
กับ InnovestX
ดีอย่างไร
คัดกองเด่น ดีลพิเศษ!
โอกาสลงทุนในกองทุนเด่น เพื่อสร้าง Core Portfolio (พอร์ตหลัก) ให้แข็งแรงและเติบโตในระยะยาว พร้อมดีลพิเศษ ที่นักลงทุนสามารถกระจายการลงทุนผ่านกองทุนได้หลากหลายสินทรัพย์ให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยง ทั้งกองทุนหุ้นโลก กองทุนตราสารหนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนทองคำ
ค่าธรรมเนียมเมื่อซื้อกองทุน
สําหรับกองทุนที่ร่วมรายการ ผ่าน
InnovestX
(Front-end fee) ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 67 – 28 มิ.ย. 67
เลือกกองทุนเข้า Core Portfolio
ดีลพิเศษ! ฟรีค่าธรรมเนียม Front-end
เลือกกองทุน เข้า Core Portfolio
*ไม่มีค่าธรรมเนียม Front-end
- รายการส่งเสริมการขายนี้ให้สิทธิ์เฉพาะบุคคลธรรมดาที่มีบัญชีลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ ที่ทำรายการซื้อกองทุนกับ InnovestX จะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมเมื่อซื้อหน่วยลงทุน (Front-end fee) และค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนเข้า (Switching in fee) สำหรับกองทุนที่เข้าร่วมรายการ
- ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ถึง 28 มิถุนายน 2567 สำหรับรายการซื้อกองทุนรวม SCBWORLD(A), PRINCIPAL GFIXED, SCBGPROPA และ SCBGOLDH เท่านั้น
- สำหรับการยกเว้นค่าธรรมเนียม นับเฉพาะค่าธรรมเนียมเมื่อซื้อหน่วยลงทุน (Front-end fee) และค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนเข้า (Switching in fee) เท่านั้น ไม่รวมค่าธรรมเนียมอื่น เช่น ค่าธรรมเนียมการจัดการ, ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหลักทรัพย์ (Brokerage Fee) และอื่นๆ (ถ้ามี)
- มูลค่าขั้นต่ำของการลงทุน เป็นไปตามเงื่อนไขการลงทุนของแต่ละกองทุนนั้น ๆ
- ผู้ลงทุนสามารถทำรายการซื้อกองทุนได้ทุกช่องทางการลงทุนกับ InnovestX
- การยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวในโครงการนี้ เป็นการยกเว้นโดยบลจ. ที่เข้าร่วมโครงการ สำหรับช่องทางการซื้อขายผ่านบล.อินโนเวสท์ เอกซ์ เท่านั้น
- การแสดงข้อมูลอัตราค่าธรรมเนียมในแอปพลิเคชัน InnovestX และ Fund Fact Sheet จะยังคงแสดงเป็นค่าธรรมเนียมปกติ แต่ในขั้นตอนธุรกรรมการซื้อผู้ลงทุนจะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมเมื่อซื้อหน่วยลงทุน (Front-end fee) ในขั้นตอนนี้แบบอัตโนมัติ
- สำหรับรายการซื้อกองทุนที่เข้าร่วมโครงการนี้ จะไม่ได้รับคะแนนสะสม INVX Point
- ลูกค้าที่ได้รับสิทธิประโยชน์นี้ไม่สามารถแลกเปลี่ยน หรือทอนเป็นเงินสด หรือเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งอื่นใด หรือโอนสิทธิ์ให้แก่บุคคลอื่น
- บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข ข้อกำหนด รายละเอียด สิทธิประโยชน์ และยกเลิกกิจกรรมนี้โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า และในกรณีมีข้อพิพาท ผลการพิจารณาและคำตัดสินของบริษัทฯ ถือเป็นสิทธิอันเด็ดขาดและถือเป็นที่สุด
- สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทางอีเมลได้ที่ innovestx_contact@scb.co.th หรือส่งข้อความบนเพจเฟซบุ๊ก InnovestX
จัดพอร์ตลงทุนด้วยกลยุทธ์ Core-Satellite Portfolio สร้างพอร์ตโตในระยะยาวและโอกาสทำกำไรในระยะสั้น
การจัดสรรพอร์ตการลงทุนที่ทั่วโลกนิยมใช้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก
ตัวอย่างการจัดสัดส่วนการลงทุน Core Portfolio
- การลงทุนในหุ้นโลกเป็นการลงทุนเพื่อการเป็นเจ้าของในธุรกิจของบริษัทมหาชนทั่วโลก เพื่อคาดหวังการเติบโตของมูลค่ากิจการ และเงินปันผล
- Portfolio Tips : การลงทุนในหุ้นเป็นส่วนหลักในสร้างการเติบโต (Capital Growth) ให้กับพอร์ตการลงทุนในระยาว ให้ผลตอบแทนสูงกว่าสินทรัพย์อื่นๆ แต่มีความผันผวนที่สูง ดังนั้น การจัดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ไม่พลาดโอกาสเป้าหมายการลงทุนในระยะยาว
- กองทุนหลัก iShares MSCI World ETF ที่มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Passive โดยอ้างอิงดัชนีหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (MSCI Developed Markets) กว่า 23 ประเทศ ทั้งภูมิภาคอเมริกา ยุโรป และเอเชีย
- กระจายการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และกลางกว่า 1,470 ตัว กระจายอยู่ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มการเงิน กลุ่มบริการทางด้านสุขภาพ กลุ่มอุตสาหกรรม เป็นต้น
- ค่าธรรมเนียมเมื่อซื้อกองทุน (Front-end fee) = 0 สำหรับช่วงโปรโมชันเมื่อซื้อผ่าน InnovestX (จากปกติ 0.500%)
- ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหลักทรัพย์ (Brokerage fee) = 0.050%
- Microsoft บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ หนึ่งในผู้นำด้าน AI ระดับโลก และเป็นบริษัทที่มีมูลค่าอันดับ 1 ของโลก เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และบริการเทคโนโลยีต่างๆ เช่น ระบบปฏิบัติการ Windows, ซอฟต์แวร์ Office Suite, บริการด้านคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี Microsoft Azure เป็นต้น
- Apple บริษัทผู้ผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีชื่อเสียง เช่น iPhone, iPad, MacBook รวมถึงระบบปฏิบัติการ iOS และ macOS ที่เป็นที่นิยมใช้งานกันแพร่หลายทั่วโลก หุ้นที่ Warren Buffet ถือครองมากที่สุดในพอร์ต
- Nvidia ผู้เล่นสำคัญในตลาดชิป AI ที่มีการเติบโตกว่า 2000% ใน 5 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นบริษัทที่พัฒนาและผลิตหน่วยประมวลผลกราฟิกและระบบประมวลผลเสมือนจริง ที่ถูกนำไปใช้งานทั้งด้านการสร้างกราฟิกเกม การเรียนรู้เชิงลึก เช่น GPU (Graphics Processing Unit) ที่ใช้ในการฝึกและประมวลผลโมเดลเรียนรู้ของ Machine Learning เป็นต้น
- Amazon.com บริษัทอีคอมเมิร์ซและบริการออนไลน์ รวมถึง Cloud Computing ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีธุรกิจหลักคือการขายสินค้าออนไลน์ โดยมีระบบการจัดส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว รวมถึงให้บริการแพลตฟอร์มคลาวด์อีกด้วย
- Meta Platforms บริษัทด้านเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดีย เน้นการพัฒนาและให้บริการโซเชียลมีเดียชั้นนำทั่วโลก เช่น Facebook, Instagram, WhatsApp เป็นต้น และยังทำธุรกิจที่เกี่ยวกับความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality)
- การลงทุนในตราสารหนี้ (Fixed Income) เป็นการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนจากการสร้างกระแสเงินสดจากดอกเบี้ยรับเป็นหลัก รวมถึงการคาดหวังการเพิ่มขึ้นของราคาตราสาร
- การลงทุนในตราสารหนี้โลก จะมีการลงทุนทั้งในตราสารภาครัฐและเอกชนที่มีคุณภาพจากทั่วโลก โดยส่วนใหญ่มักเน้นลงทุนในตราสารหนี้ของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Markets) ซึ่งเป็นตลาดที่มีประสิทธิภาพและมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง
- Portfolio Tips : การจัดสัดส่วนการลงทุนของตราสารหนี้ในพอร์ตลงทุนรวม จะมีทั้งส่วนที่เป็นตราสารหนี้ภายในประเทศและตราสารหนี้โลก โดยตราสารหนี้โลกจะช่วยในเรื่องของการกระจายการลงทุนไปทั่วโลก และมีผลตอบแทนที่คาดหวังที่สูงกว่าตราสารหนี้ในประเทศในบางช่วงเวลา แต่แลกมาด้วยความผันผวนที่มากกว่าเช่นกัน
- กองทุนหลัก PIMCO GIS Income มุ่งลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลก ที่มีการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้หลากหลายประเภท ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนมีอันดับความน่าเชื่อถือเฉลี่ยระดับ AA- และมีอายุตราสารเฉลี่ยในพอร์ตการลงทุนประมาณ 3.4 ปี (ณ วันที่ 31 มี.ค. 67)
- ทีมผู้จัดการกองทุนหลักมีประสบการณ์สูงกว่า 30 ปี มีจุดเด่นด้านกลยุทธ์การลงทุนที่ยืดหยุ่น อาศัยการวิเคราะห์เชิง Top-down และ Bottom-up เพื่อเฟ้นหาตราสารหนี้ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดให้กับพอร์ตการลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอ และพร้อมที่จะทำการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดอย่างสม่ำเสมอ
- PIMCO GIS Income มีประวัติการจัดตั้งมาอย่างยาวนาน จึงทำให้กองผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วกับทุกวัฏจักรเศรษฐกิจ อีกทั้งกองยังได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนทั่วโลก โดยมี Total Net Assets สูงถึง 76,528 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้ PIMCO GIS Income เป็นหนึ่งในกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในโลกอีกด้วย (ณ วันที่ 31 มี.ค. 67)
- ค่าธรรมเนียมเมื่อซื้อกองทุน (Front-end fee) = 0 สำหรับช่วงโปรโมชันเมื่อซื้อผ่าน InnovestX (จากปกติ 1.000%)
- REITs คือ กองทุนสินทรัพย์ทางเลือกที่เข้าไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยจะสร้างให้ผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนทั้งในด้านการเติบโตของราคา รวมถึงการจ่ายเงินปันผล พร้อมเปิดให้นักลงทุนสามารถซื้อขายได้บนตลาดหลักทรัพย์ มีสภาพคล่องสูงกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โดยตรง
- Portfolio Tips : การจัดสรรเงินลงทุนใน REITs บางส่วน เป็นการกระจายการลงทุน (Diversification) จากการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ ซึ่งเป็นสินทรัพย์หลักของพอร์ต รวมถึง REITs เป็นสินทรัพย์ที่ใช้ในการป้องกันเงินเฟ้อได้ด้วยเช่นกัน
- กองทุนหลัก BGF World Real Estate Securities Fund กระจายลงทุนในหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ราว 60 – 90 หลักทรัพย์ โดยทีมผู้จัดการกองทุนหลักจะทำการประเมินปัจจัยพื้นฐานเพื่อเฟ้นหาหลักทรัพย์ที่มีคุณภาพสูง และมีมูลค่าเหมาะสมที่กระจายตัวอยู่ในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรมทั่วโลก
- ค่าธรรมเนียมเมื่อซื้อกองทุน (Front-end fee) = 0 สำหรับช่วงโปรโมชันเมื่อซื้อผ่าน InnovestX (จากปกติ 1.610%)
- Prologis REIT: ผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก โดยเน้นการเป็นเจ้าของและมีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ด้านโลจิสติกส์ในกว่า 19 ประเทศทั่วโลก
- Extra Space Storage REIT: กองทุน REITs ด้าน Self-storage ยักษ์ใหญ่ที่ให้บริการด้าน Storage Space มากกว่า 3,500 แห่งทั่วสหรัฐฯ
- Equinix REIT: กองทุน REITs ระดับโลกผู้มีจุดเด่นในการให้บริการด้าน Data Centers ที่กระจายกระจายตัวอยู่ในหลากหลายภูมิภาคทั่วโลก
- Welltower: กองทุน REITs ซึ่งเป็นผู้นำในการให้บริการด้าน Senior Housing และบริการด้านการแพทย์อื่น ๆ
- Digital Realty Trust REIT: กองทุน REITs ที่มีขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ เน้นการให้บริการด้าน Data Center และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบดิจิทัล
- ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายสำหรับใช้ในการสะสมความมั่งคั่ง โดยราคาของทองคำมักจะปรับตัวขึ้นสวนทางกับสินทรัพย์อื่นๆ ในยามที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ หรือวิกฤตด้านภูมิรัฐศาสตร์
- Portfolio Tips: การจัดสรรสัดส่วนบางส่วนเพื่อลงทุนในทองคำ นอกจากเพื่อใช้กระจายความเสี่ยง (Diversification) แล้ว จะลดความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นต่อพอร์ตการลงทุนโดยรวมในยามที่มีตลาดการลงทุนมีความไม่แน่นอนสูงได้
- กองทุนหลัก SPDR Gold Shares ETF (GLD) มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนให้สอดคล้องไปกับทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ โดยกองทุนลงทุนในทองคำแท่งความบริสุทธิ์ตั้งแต่ 99.5% ขึ้นไป และทองคำได้รับการจัดเก็บดูแลโดยสถาบันการเงินระดับสากลอย่าง JPMorgan Chase Bank, N.A. และ HSBC Bank
- กองทุน SCBGOLDH มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าสินทรัพย์ที่ลงทุนในต่างประเทศ
- ค่าธรรมเนียมเมื่อซื้อกองทุน (Front-end fee) = 0 สำหรับช่วงโปรโมชันเมื่อซื้อผ่าน InnovestX (จากปกติ 0.540%)
- ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหลักทรัพย์ (Brokerage fee) = 0.150%
- การลงทุนในตราสารหนี้ (Fixed Income) เป็นการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนจากสร้างกระแสเงินสดจากดอกเบี้ยรับเป็นหลัก รวมถึงการคาดหวังการเพิ่มขึ้นของราคาตราสาร
- การลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ เน้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และหุ้นกู้เอกชนคุณภาพดี เป็นการลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก และสูงกว่าเงินเฟ้อของไทยในระยะยาว
- Portfolio Tips: การลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ เป็นส่วนของการลงทุนที่มีความผันผวนของราคาต่ำช่วยลดความผันผวน และระดับการขาดทุน (Drawdown) ของพอร์ตการลงทุนได้ดี โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง
- กองทุนตราสารหนี้ระยะกลางที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ไทย มีเป้าหมายอายุตราสารเฉลี่ยในพอร์ตการลงทุนที่ 1 – 3 ปี และอันดับความน่าเชื่อถือเฉลี่ยระดับ A
- กองทุนมีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจอยู่ตลอดเวลาทั้งในด้านอันดับความน่าเชื่อถือของตราสาร และการบริหารอายุตราสารเฉลี่ยในพอร์ต เพื่อหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่เหมาะสม
- ทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์สูง มีการวิเคราะห์ Bottom-up อย่างเชิงลึกเพื่อหาตราสารหนี้ที่มีคุณภาพสูง และให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยง
- กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุสั้นที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี หรือ อายุเฉลี่ยของตราสารในพอร์ตโดยไม่เกิน 1 ปี มีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับอัตราดอกเบี้ยในตลาดค่อนข้างต่ำ
- Portfolio Tips: สำหรับพอร์ตการลงทุนความเสี่ยงต่ำ กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ถือเป็นส่วนสำคัญในพอร์ตเนื่องจากเป็นการลงทุนที่เน้นการรักษาเงินต้น (Capital Preservation) รวมถึงเหมาะสำหรับการใช้เป็นแหล่งพักเงินระยะสั้น โดยคาดหวังผลตอบแทนใกล้เคียงกับเงินฝาก
- เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นในไทย มีเป้าหมายอายุเฉลี่ยของตราสารในพอร์ตที่ 3 – 6 เดือน และอันดับความน่าเชื่อถือเฉลี่ยระดับ BBB+ ถึง A-
- กองทุนมีการบริหารความเสี่ยงที่ดี ไม่เคยมีผลการดำเนินงานรายวันติดลบตั้งแต่จัดตั้งกองทุน ในขณะที่ยังสร้างผลตอบแทนได้เหมาะสม
- S&P500 ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ มัดรวมบริษัทใหญ่ระดับโลก 500 แห่ง และเป็นดัชนีที่ผู้ลงทุนนิยมลงทุนตามมากที่สุดอันดับหนึ่งของโลก
- โอกาสเติบโตไปพร้อมกับบริษัทนำเทรนด์ของโลก
- กระจายการลงทุนครอบคลุมหุ้นขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ และครอบคลุมหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่โดดเด่น เช่น Apple, Microsoft, Alphabet, Amazon, Meta, Nvidia และ Tesla เป็นต้น
- ลงทุนใน iShares Core S&P 500 ETF (IVV) ซึ่งกองทุนหลักมีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของ S&P500 Index
- ผลตอบแทนเฉลี่ย S&P500 Index ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา 12.61% ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 31/1/2567)
as of 31 Dec 2023
- Russell 2000 Index ครอบคลุมการลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก 2,000 ตัว หรือคิดเป็น 13% ของมูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งหมด ทำให้ไม่ต้องพึ่งพาผลการดำเนินงานของบริษัทใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง
- หุ้นขนาดเล็กมีโอกาสในการเติบโตสูง ผ่านการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ และความสามารถในการขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว
- หุ้นขนาดเล็กมักยังไม่เป็นที่สนใจของนักลงทุน จึงทำให้มีโอกาสในการเข้าถึงหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโต และ Undervalued ที่ถูกมองข้าม
- กองทุนหลัก iShares Russell 2000 ETF (IWM) มีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของ Russell 2000 Index
- กองทุนหลักมีผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 6.7% ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 31/1/2567)
Dec 2023; SCBAM as of 9 Sep 2022
- แนวโน้มประชากรโลกมีอายุยืนขึ้น และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยมีคาดการณ์ว่าภายในปี 2050 ผู้สูงอายุจะคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 6 ของประชากรโลก เป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันความต้องการด้านสุขภาพในอนาคต
- ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีผลักดันให้มีการคิดค้นนวัตกรรมการแพทย์อย่างมากในทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งด้าน BioTech, Medical Devices และ Pharmaceuticals และคาดว่าการพัฒนานี้จะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น เครื่องมือการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น การคิดค้นยารักษาโรคชนิดใหม่ๆ และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการตัดต่อพันธุกรรม ทำให้ธุรกิจเฮลธ์แคร์พร้อมก้าวขึ้นเป็นหนึ่งใน Megatrends แห่งโลกอนาคต
- กองทุนหลัก Janus Henderson Global Life Science ที่จัดตั้งมาแล้วกว่า 20 ปี ลงทุนในหุ้นกลุ่มการแพทย์ทั่วโลกที่มีพื้นฐานดีและมีมูลค่าที่เหมาะสมราว 80-120 บริษัท
- ผสมผสานการลงทุนในหุ้นการแพทย์หลากหลายกลุ่มได้อย่างลงตัว ทั้งกลุ่ม BioTech ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และกลุ่ม Traditional Healthcare ที่มีความทนทานต่อสภาวะเศรษฐกิจ
- กองทุนหลักมีผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 10.2% ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 31/1/2567)
- ชิปเซมิคอนดักเตอร์ หัวใจหลักไซส์จิ๋วของนวัตกรรมแห่งโลกอนาคตและอุปกรณ์สมัยใหม่ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน รถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์
- ท่ามกลางการเติบโตของเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการมาถึงของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ A.I. ส่งผลให้ความต้องการชิปเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
- การผลิตชิปมีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ จึงทำให้หลายประเทศทั่วโลกพยายามดึงดูดเหล่าผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ให้เข้ามาลงทุนในประเทศ โดยเสนอทั้งเงินอุดหนุน การลดหย่อนภาษี และแรงจูงใจอื่น ๆ
- กองทุนหลัก VanEck Semiconductor UCITS ETF (SMH) มีนโยบายการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ 25 ตัว ที่เป็น Pure-Play หรือมีรายได้อย่างน้อย 50% จากเซมิคอนดักเตอร์
- กองทุนหลักมี Total Expense Ratio เพียง 0.35%
- กองทุนหลักมีผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ที่ 17.78% ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 31/1/2567)
Semiconductors Outlook as of Jun 2023. VanEck
and SCBAM as of 31 Dec 2023.
- เศรษฐกิจอินเดียมีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจมาก โดย IMF คาดการณ์ว่า GDP ของอินเดียจะยังสามารถเติบโตในระดับ 6.5% ต่อเนื่องไปอีกในปี 2024-2025
- อินเดียมีประชากรแซงจีนขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยอยู่ที่ประมาณ 1.4 พันล้านคน ช่วยหนุนให้เศรษฐกิจอินเดียได้รับประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศ ทั้งยังมีวัยแรงงานที่ยังคงเติบโตเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปในระยะข้างหน้า
- ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการเป็นศูนย์กลางการลงทุนใหม่ของบริษัทข้ามชาติ ทำให้เศรษฐกิจอินเดียยังคงมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกในอนาคต โดยอินเดียยังถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตอันเนื่องมาจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ – จีนอีกด้วย
- กองทุนหลัก iShares India 50 ETF (INDY) ลงทุนในหุ้นอินเดียขนาดใหญ่ที่สุด 50 ตัว โดยเรียงตามมูลค่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) มุ่งหวังสร้างผลตอบแทนให้สอดคล้องกับดัชนี Nifty 50
- กองทุนหลักมี Total Expense Ratio เพียง 0.89%
- ดัชนี Nikkei 225 พุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ (All-time High) ในรอบ 34 ปี สะท้อนปัจจัยอย่าง การพัฒนาเชิงบวกของระบบเศรษฐกิจในรอบ 30 ปี และการปรับปรุงด้าน Corporate Governance
- เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างครั้งสำคัญที่อาจนำไปสู่การหลุดพ้นออกจากวงจรเงินฝืดเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี
- การปรับปรุงด้าน Corporate Governance ของบริษัทญี่ปุ่น การเจรจาปรับขึ้นเงินเดือน (Shunto) และการมีบัญชีสำหรับการลงทุนใหม่ (NISA) จะช่วยสนับสนุนการเข้าลงทุนในบริษัทญี่ปุ่นในระยะต่อไป
- บริษัทญี่ปุ่นยังเป็นผู้นำทางด้าน Robotics & Automations หนึ่งใน เมกะเทรนด์แห่งโลกอนาคตที่มีแนวโน้มเติบโตสอดคล้องไปกับเทรนด์การเติบโตของ AI
- การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจะผลักดันให้ญี่ปุ่นกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีที่สำคัญ
- ปัจจุบัน Bloomberg Consensus คาดการณ์ว่าบริษัทญี่ปุ่นในดัชนี Nikkei 225 จะมีอัตราการเติบโตของกำไรให้อีก 12 เดือนข้างหน้าที่ระดับ 21.03%
- กองทุนหลัก NEXT FUNDS Nikkei 225 ETF (1321 JP) มุ่งหวังสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี Nikkei 225 ของประเทศญี่ปุ่น
- ดัชนี Nikkei 225 ประกอบไปด้วย 225 บริษัทชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ครอบคลุมกว่า 36 อุตสาหกรรมย่อยในเศรษฐกิจญี่ปุ่น
- ประเทศจีนมีมูลค่าสัดส่วนทางเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ ตลาดหุ้นจีนเป็นตลาดที่มีมูลค่าใหญ่เป็นอัน 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ แต่กลับมีสัดส่วนใน MSCI All Country World Index ที่เป็นดัชนีชี้วัดหุ้นโลกเพียง 3%
- หุ้นจีน A-Shares ยังคงมีการถือครองโดย Retail Investors เป็นสัดส่วนใหญ่ โดย China authorities มีการดำเนินมาตรการเพื่อให้ต่างชาติสามารถเข้าถือครองได้มากขึ้น ประกอบกับผู้จัดทำดัชนีสากลอย่าง MSCI ได้มีการทยอยเพิ่มสัดส่วนหุ้นจีน A-Shares มากขึ้นในดัชนีชี้วัดต่างๆ จึงเป็นโอกาสในระยะยาวของหุ้นจีน A-Shares ที่ปัจจุบันยังมีการถือโดยต่างชาติในสัดส่วนที่น้อย
- การกระจายการลงทุนในหุ้นจีน A-Shares สามารถช่วยเรื่องการกระจายความเสี่ยงได้ดี เนื่องจากมี Correlation เทียบกับหุ้นโลกในสัดส่วนที่ต่ำ และช่วยเรื่องการลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน
- Domestic consumption: การเติบโตของเศรษฐกิจช่วยหนุนกลุ่มการบริโภคและการบริการ
- Innovation and Automating: การพัฒนาของ AI, Big Data ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้กับหลายกลุ่มอุตสาหกรรม
- กองทุนหลัก ChinaAMC CSI 300 ETF ลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี CSI 300 โดยมุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดังกล่าว
- ดัชนี CSI 300 คือดัชนีที่รวบรวมหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ A-Shares 300 ตัวใหญ่สุดและมีสภาพคล่องในตลาดหุ้นจีน A-Shares
- ตั้งแต่มีการจัดทำดัชนี CSI 300 ในปี 2002 ดัชนีสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้ประมาณ 6% ต่อปี
- Industry Leadership: การลงทุนในหุ้นยุโรปเป็นหนึ่งในทางเลือกให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงหุ้นที่โดดเด่นของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มยารักษา กลุ่มยานยนต์ กลุ่มธนาคาร กลุ่มสินค้าหรูหรา และกลุ่มเทคโนโลยี เป็นต้น
- Stable Political & Regulation: เนื่องจากยุโรปเป็นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ทำให้สภาพการเมืองและกฎระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ มีเสถียรภาพ เหมาะกับการดำเนินธุรกิจและการลงทุน
- Valuation: หุ้นยุโรปมักจะถูกประเมินราคาต่ำกว่าหุ้นในสหรัฐฯ เป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มีลักษณะ Value-oriented
- Diversification: หุ้นยุโรปมักเป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับการใช้กระจายการลงทุน เนื่องจากมีหลากหลายประเทศ และความโดดเด่นของหุ้นแต่ละประเทศก็มีความหลากหลาย จึงเหมาะแก่การลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยง ทั้งในด้านความหลากหลายของกลุ่มอุตสาหกรรมและค่าเงิน
- Dividend Yield: หุ้นยุโรปมักจะให้อัตราผลตอบแทนจากปันผลที่น่าสนใจ จึงทำให้เหมาะแก่นักลงทุนที่มีลักษณะ Income-oriented
- GRANOLAS: กลุ่มหุ้นยุโรปชื่อดังขนาดใหญ่ 11 บริษัท ประกอบไปด้วย GSK, Roche, ASML, Nestlé, Novartis, Novo Nordisk, L’Oréal, LVMH, AstraZeneca, SAP, และ Sanofi ซึ่งเป็นผู้นำหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งด้านการแพทย์ สินค้าหรูหรา ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย และครอบคลุมมูลค่าตลาดเกือบ 1 ใน 4 ของตลาดหุ้นยุโรป (ดัชนี STOXX600, ที่มา CNBC) โดยมีผลการดำเนินงานเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 17% ต่อปี (120%) (ข้อมูลผลตอนแทน ณ วันที่ 4/3/2024, ที่มา Bloomberg) กลุ่มหุ้นที่โดดเด่นไม่แพ้กับกลุ่ม Magnificent 7 ของสหรัฐฯ
- กองทุนหลัก ChinaAMC CSI 300 ETF ลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี CSI 300 โดยมุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดังกล่าว
- กองทุนหลัก iShares STOXX Europe 600 UCITS ETF (EXSA) เน้นสร้างผลตอบแทนให้สอดคล้องไปกับผลตอบแทนของดัชนี STOXX 600
- ดัชนี STOXX 600 กระจายลงทุนในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ครอบคลุมบริษัททุกขนาด ทั้งใหญ่ กลาง เล็ก กว่า 600 แห่ง จาก 17 ประเทศในทวีปยุโรป
SSF / RMF / Thai ESG
คัดสูตรการซื้อกองทุน SSF RMF และ Thai ESG จากผู้เชี่ยวชาญที่จัดมาให้ ในแบบที่เหมาะกับสไตล์การลงทุนของคุณ ด้วยวัตถุดิบชั้นดีจากกองทุนลดหย่อนภาษีมากถึง 19 บลจ.
โตด้วย DCA
- ข้อมูลจาก Bloomberg, InnovestX
- ผลตอบแทนคํานวนจากกองทุน iShares Core S&P 500 ETF ที่มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียง S&P500 Index โดยตัวอย่างนี้ไม่รวมคํานวณถึงค่าใช้จ่ายอันได้แก่ ต้นทุนการทําธุรกรรม ต้นทุนป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน และค่าใช้จ่ายอื่นใดที่อาจเกิดขึ้น สมมติลงทุนในทุกวันทําการสุดท้ายของเดือน
- ตัวอย่างนี้เป็นเพียงการแสดงให้เห็นถึงการลงทุนถัวเฉลี่ยรายเดือนตามสมมติฐาน ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนจริงอาจแตกต่างกันไปจากตัวอย่าง ดังนั้นควรศึกษาและทําความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
Promotion
FAQs
ค่าธรรมเนียมที่กองทุนเรียกเก็บจากนักลงทุน แบ่งใหญ่ๆ ได้เป็น 2 แบบ ยึดตามข้อมูลในหนังสือชี้ชวน
1.“ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ถือหน่วย”
2 “ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุนรวม” รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
NAV (Net Asset Value) หรือมูลค่าทรัพย์สินสุทธิระยะเวลาในการซื้อขายกองทุนรวม
การซื้อขายกองทุนรวมจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการที่แตกต่างกัน ขึ้นกับนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุน
หลังจากลูกค้าส่งคำสั่งซื้อขายบนแอปพลิเคชัน InnovestX ลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะคำสั่งได้ในเมนู ACTIVITY
หากต้องการดูรายการคำสั่งย้อนหลัง สามารถกดปุ่ม ตัวกรอง ที่มุมขวาบน เพื่อเลือกเดือนที่ต้องการ รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
ลูกค้าสามารถทำรายการตรวจสอบสถานะการลงทุนในกองทุนรวมได้ด้วยตนเองผ่านแอป InnovestX โดยปฏิบัติตามขั้นตอนในลิ้งก์นี้ครับ คลิก
ลูกค้าสามารถเลือกให้ตัดเงินผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกไว้ หรือบัญชีบริหารเงินสดก็ได้ โดยลูกค้าต้องเตรียมเงินในบัญชีบริหารเงินสดให้เพียงพอต่อรายการที่ท่านเลือกซื้อกองทุน
ลูกค้าไม่สามารถซื้อกองทุนรวม หากเงินในบัญชีบริหารเงินสดไม่เพียงพอต่อการทำรายการนั้นได้ โดยลูกค้าจะต้องเติมเงินในบัญชีบริหารเงินสดให้เพียงพอก่อนทำรายการอีกครั้ง
ลูกค้าสามารถตั้งรายการลงทุนแบบ DCA ในกองทุนรวม โดยตั้งค่าแบบรายเดือนอัตโนมัติบนแอป InnovestX ได้ โดยมีวิธีการดังนี้
1. เลือกกองทุนรวมที่ต้องการซื้อ
2. เลือก "รายเดือน" ตรงประเภทการลงทุน
3. ระบุวันที่ที่ต้องการตั้งลงทุนรายเดือน
4. ระบุจำนวนเงินที่ต้องการจะลงทุน
5. กดยอมรับความเสี่ยง
6. กดยืนยัน
*หมายเหตุ เฉพาะลูกค้าที่มีบัญชีมีบัญชีอัตโนมัติ (ATS) เท่านั้น
ลูกค้าสามารถยกเลิกรายการซื้อได้หากท่านยกเลิกรายการก่อน cut-off time ของกองทุน โดยระบบจะคืนเงินให้ในบัญชีบริหารเงินสดทันที
Still need help?
“ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน”