ผลิตภัณฑ์

  1. หุ้น เป็นหุ้นส่วนบริษัท ด้วยเงินหลักร้อย
  2. กองทุน เปิดพอร์ตแบบอีซี่.. มีมืออาชีพคอยดูแลให้
  3. Intelligent Portfolios เปิดโหมดอัตโนมัติสำหรับดูแลการลงทุน
  4. สินทรัพย์ดิจิทัล การลงทุนบนสินทรัพย์แห่งอนาคต
  5. ตราสารหนี้และหุ้นกู้ ลงทุนเพื่อผลตอบแทนระยะยาว
  6. ตราสารอนุพันธ์ มองการณ์ไกล ด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
  7. บริการยืมและให้ยืมสินทรัพย์ ปล่อยเช่า-ขอยืมหุ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุน
  8. กองทุนส่วนบุคคล มีผู้จัดการช่วยให้การลงทุนของคุณง่ายขึ้น
  9. คู่มือการใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา

แหล่งความรู้ด้านการลงทุน

  1. เริ่มลงทุนก้าวแรก เริ่มลงทุนก้าวแรก
  2. ลงทุนตามสินทรัพย์ ลงทุนตามสินทรัพย์
  3. บทวิเคราะห์การลงทุน บทวิเคราะห์การลงทุน
  4. แหล่งความรู้ครอบจักรวาลการลงทุนเพื่อทุกคน แหล่งความรู้ครอบจักรวาลการลงทุนเพื่อทุกคน

ข่าวสารและโปรโมชัน

  1. โปรโมชันและสิทธิพิเศษเพื่อคุณ
  2. อัปเดตข่าวสาร
  3. ประกาศ
  4. Point to invest
  5. INVX Point​
scbs image

โปรโมชันและสิทธิพิเศษ

พิเศษสำหรับลูกค้า Innovestx เท่านั้นใช้พอยต์แลกกองทุนรวมที่โดนใจ

ดูเพิ่มเติม

เกี่ยวกับเรา

  1. เกี่ยวกับเรา ร่วมเติบโตอย่างยั่งยืนไปกับเรา InnovestX
  2. ร่วมงานกับเรา ก้าวไปข้างหน้าแบบมีสไตล์
ค้นหาล่าสุด
เคลียร์
{{GetHitSearchValue.keywordTitle}}

ให้เงินงอกเงย กับ
กองทุนเด็ด ที่คัดมาอย่างดีให้คุณ

Grow your wealth with expertly cut gems.

กองทุนรวม

การลงทุนในกองทุนรวม คือตัวเลือกที่ดีกว่า สําหรับคนที่ไม่มีเวลาศึกษา ไม่มีประสบการณ์ลงทุนมากพอ หรือไม่มีเวลาติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากกองทุนรวมมีผู้จัดการกองทุน ที่มีความเชี่ยวชาญและใบอนุญาตดูแลสินทรัพย์ที่นําเงินลงทุนของเราไปลงทุนต่อในสินทรัพย์ต่างๆ อาทิ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ ทอง อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ ซึ่งผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ในหลากหลายประเภท และสัดส่วนสินทรัพย์ ตามนโยบายของกองทุนรวมนั้นๆ

ทําไมถึงควรลงทุนกองทุนรวมกับเรา ?

InnovestX คือ แอปลงทุนกองทุนรวม และสินทรัพย์อื่นๆ ครอบจักรวาล ช่วยให้คุณเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้ว

 

 

ลงทุนกองทุนกับ

 

กับ InnovestX


ดีอย่างไร


คัดกองทุนเด็ด
พร้อมคำแนะนำการลงทุน
ที่เหมาะกับคุณ

สำหรับคนไม่มีเวลา

คัด จัด และปรับพอร์ตให้อัตโนมัติ ผ่านบริการ Intelligent Portfolios ที่มีแผนการลงทุนให้เลือกหลากหลายทั้งตามมุมมองจาก InnovestX, Guru การลงทุน และธีมเมกะเทรนด์โลก

สำหรับคนลงทุนเอง

คัดกองทุนเด็ด อย่างดี ที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนํามาให้คุณเลือก และคัดให้เหมาะกับแต่ละช่วงเวลาการลงทุน

พร้อมคัดคําแนะนําการลงทุนที่ใช่เพื่อคุณ

ผ่านฟีเจอร์ Wealth Idea, เว็บไซต์ และข่าวสารในช่องทางของ InnovestX

คัดของดี ราคาคุ้ม

คัดสรร และสรรหากองทุนดี ราคาพิเศษกว่าใคร ในแต่ละช่วงเวลา ที่ InnovestX ที่เดียว

คัดให้ครบ เน้นๆ แบบเป็นกลาง

คัดแบบเป็นกลาง ไม่มีข้อจํากัด เลือกกองทุน ที่ดีที่สุดให้ลูกค้า ที่เดียว ครบทุก บลจ. มากกว่า 1,800 กองทุน

คัดกองเด่น ดีลพิเศษ!

โอกาสลงทุนในกองทุนเด่น เพื่อสร้าง Core Portfolio (พอร์ตหลัก) ให้แข็งแรงและเติบโตในระยะยาว พร้อมดีลพิเศษ ที่นักลงทุนสามารถกระจายการลงทุนผ่านกองทุนได้หลากหลายสินทรัพย์ให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยง ทั้งกองทุนหุ้นโลก กองทุนตราสารหนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนทองคำ

ค่าธรรมเนียมเมื่อซื้อกองทุน

สําหรับกองทุนที่ร่วมรายการ ผ่าน
InnovestX

(Front-end fee) ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 67 – 28 มิ.ย. 67

เลือกกองทุนเข้า Core Portfolio

ดีลพิเศษ! ฟรีค่าธรรมเนียม Front-end

เลือกกองทุน เข้า Core Portfolio

*ไม่มีค่าธรรมเนียม Front-end

  1. รายการส่งเสริมการขายนี้ให้สิทธิ์เฉพาะบุคคลธรรมดาที่มีบัญชีลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ ที่ทำรายการซื้อกองทุนกับ InnovestX จะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมเมื่อซื้อหน่วยลงทุน (Front-end fee) และค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนเข้า (Switching in fee) สำหรับกองทุนที่เข้าร่วมรายการ
  2. ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ถึง 28 มิถุนายน 2567 สำหรับรายการซื้อกองทุนรวม SCBWORLD(A), PRINCIPAL GFIXED, SCBGPROPA และ SCBGOLDH เท่านั้น
  3. สำหรับการยกเว้นค่าธรรมเนียม นับเฉพาะค่าธรรมเนียมเมื่อซื้อหน่วยลงทุน (Front-end fee) และค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนเข้า (Switching in fee) เท่านั้น ไม่รวมค่าธรรมเนียมอื่น เช่น ค่าธรรมเนียมการจัดการ, ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหลักทรัพย์ (Brokerage Fee) และอื่นๆ (ถ้ามี)
  4. มูลค่าขั้นต่ำของการลงทุน เป็นไปตามเงื่อนไขการลงทุนของแต่ละกองทุนนั้น ๆ
  5. ผู้ลงทุนสามารถทำรายการซื้อกองทุนได้ทุกช่องทางการลงทุนกับ InnovestX
  6. การยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวในโครงการนี้ เป็นการยกเว้นโดยบลจ. ที่เข้าร่วมโครงการ สำหรับช่องทางการซื้อขายผ่านบล.อินโนเวสท์ เอกซ์ เท่านั้น
  7. การแสดงข้อมูลอัตราค่าธรรมเนียมในแอปพลิเคชัน InnovestX และ Fund Fact Sheet จะยังคงแสดงเป็นค่าธรรมเนียมปกติ แต่ในขั้นตอนธุรกรรมการซื้อผู้ลงทุนจะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมเมื่อซื้อหน่วยลงทุน (Front-end fee) ในขั้นตอนนี้แบบอัตโนมัติ
  8. สำหรับรายการซื้อกองทุนที่เข้าร่วมโครงการนี้ จะไม่ได้รับคะแนนสะสม INVX Point
  9. ลูกค้าที่ได้รับสิทธิประโยชน์นี้ไม่สามารถแลกเปลี่ยน หรือทอนเป็นเงินสด หรือเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งอื่นใด หรือโอนสิทธิ์ให้แก่บุคคลอื่น
  10. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข ข้อกำหนด รายละเอียด สิทธิประโยชน์ และยกเลิกกิจกรรมนี้โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า และในกรณีมีข้อพิพาท ผลการพิจารณาและคำตัดสินของบริษัทฯ ถือเป็นสิทธิอันเด็ดขาดและถือเป็นที่สุด
  11. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทางอีเมลได้ที่ innovestx_contact@scb.co.th หรือส่งข้อความบนเพจเฟซบุ๊ก InnovestX
คำเตือน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุนรวมมีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนสามารถขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บล. อินโนเวสท์ เอกซ์

จัดพอร์ตลงทุนด้วยกลยุทธ์ Core-Satellite Portfolio สร้างพอร์ตโตในระยะยาวและโอกาสทำกำไรในระยะสั้น

การจัดสรรพอร์ตการลงทุนที่ทั่วโลกนิยมใช้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก

Core Portfolio
คือ พอร์ตการลงทุนส่วนหลัก
  • เงินลงทุนประมาณ 70-80% ของพอร์ตรวม
  • เป็นพอร์ตการลงทุนที่จะช่วยสร้างผลตอบแทนหลักให้กับพอร์ตในระยะยาว
  • มีการจัดสรรน้ำหนักสินทรัพย์แต่ละประเภทตามระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนรับได้
  • เน้นการลงทุนในกองทุนรวมที่อ้างอิงดัชนี เช่น อ้างอิงดัชนี S&P500, อ้างอิงพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ , อายุ 7-10 ปี, อ้างอิงดัชนีหุ้นโลก, อ้างอิง REITs โลก, หรืออ้างอิงราคาทองคำ เป็นต้น
ไอเดียกองทุนน่าสนใจ
Advisory Portfolio: พอร์ตการลงทุนแนะนำตามระดับความเสี่ยงของนักลงทุน
Satellite Portfolio
คือ พอร์ตการลงทุนส่วนเสริม
  • เงินลงทุนประมาณ 20-30% ของพอร์ตรวม
  • เป็นพอร์ตการลงทุนที่ถูกเสริมเข้ามาเพื่อช่วยสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมให้กับพอร์ตในระยะสั้น
  • เป็นการแบ่งพอร์ตการลงทุนออกมาเพื่อความคล่องตัวของพอร์ตในการมองหาโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ
  • มักเป็นการลงทุนในกองทุนเชิงรุก (Active Investment) สามารถกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ได้หลากหลาย เช่น กองทุนรวมอุตสาหกรรมที่ลงทุนเฉพาะเจาะจงในกลุ่มอุตสาหกรรมบางกลุ่ม สินค้าโภคภัณฑ์ หรือสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นต้น
ไอเดียกองทุนน่าสนใจ
กองทุนเคาะซื้อ: คัดเลือกกองทุนรายสัปดาห์ที่น่าสนใจ
สัดส่วนการลงทุนใน Core Portfolio (พอร์ตหลัก) แบบไหนเหมาะกับคุณ
นักลงทุนสายเซฟ
(เสี่ยงต่ำ)
 

*ผลตอบแทนคาดหวัง 3% ต่อปี
ความผันผวน 2%

สัดส่วนการลงทุนใน Core Portfolio (พอร์ตหลัก) แบบไหนเหมาะกับคุณ
นักลงทุนสายตั้งรับ
(เสี่ยงปานกลางค่อน
ข้างต่ำ)

*ผลตอบแทนคาดหวัง 5% ต่อปี
ความผันผวน 5%
สัดส่วนการลงทุนใน Core Portfolio (พอร์ตหลัก) แบบไหนเหมาะกับคุณ
นักลงทุนสายชิลๆ
(เสี่ยงปานกลางค่อน
ข้างสูง)

*ผลตอบแทนคาดหวัง 6% ต่อปี
ความผันผวน 7%
สัดส่วนการลงทุนใน Core Portfolio (พอร์ตหลัก) แบบไหนเหมาะกับคุณ
นักลงทุนสายลุย
(เสี่ยงสูง)
 

*ผลตอบแทนคาดหวัง 7% ต่อปี
ความผันผวน 10%
สัดส่วนการลงทุนใน Core Portfolio (พอร์ตหลัก) แบบไหนเหมาะกับคุณ
นักลงทุนสายซิ่ง
(เสี่ยงสูงมาก)
 

*ผลตอบแทนคาดหวัง 8% ต่อปี
ความผันผวน 13%
หุ้น
ตราสารหนี้
ตราสารหนี้ระยะสั้น
สินทรัพย์ทางเลือก
*หมายเหตุ ผลตอบแทนที่คาดหวังและความผันผวนของพอร์ตนี้ ไม่ได้การันตีผลตอบแทน เป็นเพียงการคำนวณด้วยผลตอบแทนย้อนหลังของแต่ละประเภทสินทรัพย์เท่านั้น การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทําความเข้าใจลักษณะของกองทุน นโยบายกองทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ผลการดําเนินงาน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

ตัวอย่างการจัดสัดส่วนการลงทุน Core Portfolio

SCBWORLD(A)
ลงทุนหุ้นเด่นทั่วโลก ในประเทศพัฒนาแล้ว ตามดัชนี MSCI World
ทำไมต้องลงทุนในหุ้นโลก
  • การลงทุนในหุ้นโลกเป็นการลงทุนเพื่อการเป็นเจ้าของในธุรกิจของบริษัทมหาชนทั่วโลก เพื่อคาดหวังการเติบโตของมูลค่ากิจการ และเงินปันผล
  • Portfolio Tips : การลงทุนในหุ้นเป็นส่วนหลักในสร้างการเติบโต (Capital Growth) ให้กับพอร์ตการลงทุนในระยาว ให้ผลตอบแทนสูงกว่าสินทรัพย์อื่นๆ แต่มีความผันผวนที่สูง ดังนั้น การจัดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ไม่พลาดโอกาสเป้าหมายการลงทุนในระยะยาว
กองทุน SCBWORLD(A)
  • กองทุนหลัก iShares MSCI World ETF ที่มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Passive โดยอ้างอิงดัชนีหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (MSCI Developed Markets) กว่า 23 ประเทศ ทั้งภูมิภาคอเมริกา ยุโรป และเอเชีย
  • กระจายการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และกลางกว่า 1,470 ตัว กระจายอยู่ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มการเงิน กลุ่มบริการทางด้านสุขภาพ กลุ่มอุตสาหกรรม เป็นต้น
  • ค่าธรรมเนียมเมื่อซื้อกองทุน (Front-end fee) = 0 สำหรับช่วงโปรโมชันเมื่อซื้อผ่าน InnovestX (จากปกติ 0.500%)
  • ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหลักทรัพย์ (Brokerage fee) = 0.050%
ตัวอย่างหุ้นชั้นนำในพอร์ตการลงทุน (ณ วันที่ 19 เม.ย. 67)
  • Microsoft บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ หนึ่งในผู้นำด้าน AI ระดับโลก และเป็นบริษัทที่มีมูลค่าอันดับ 1 ของโลก เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และบริการเทคโนโลยีต่างๆ เช่น ระบบปฏิบัติการ Windows, ซอฟต์แวร์ Office Suite, บริการด้านคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี Microsoft Azure เป็นต้น
  • Apple บริษัทผู้ผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีชื่อเสียง เช่น iPhone, iPad, MacBook รวมถึงระบบปฏิบัติการ iOS และ macOS ที่เป็นที่นิยมใช้งานกันแพร่หลายทั่วโลก หุ้นที่ Warren Buffet ถือครองมากที่สุดในพอร์ต
  • Nvidia ผู้เล่นสำคัญในตลาดชิป AI ที่มีการเติบโตกว่า 2000% ใน 5 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นบริษัทที่พัฒนาและผลิตหน่วยประมวลผลกราฟิกและระบบประมวลผลเสมือนจริง ที่ถูกนำไปใช้งานทั้งด้านการสร้างกราฟิกเกม การเรียนรู้เชิงลึก เช่น GPU (Graphics Processing Unit) ที่ใช้ในการฝึกและประมวลผลโมเดลเรียนรู้ของ Machine Learning เป็นต้น
  • Amazon.com บริษัทอีคอมเมิร์ซและบริการออนไลน์ รวมถึง Cloud Computing ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีธุรกิจหลักคือการขายสินค้าออนไลน์ โดยมีระบบการจัดส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว รวมถึงให้บริการแพลตฟอร์มคลาวด์อีกด้วย
  • Meta Platforms บริษัทด้านเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดีย เน้นการพัฒนาและให้บริการโซเชียลมีเดียชั้นนำทั่วโลก เช่น Facebook, Instagram, WhatsApp เป็นต้น และยังทำธุรกิจที่เกี่ยวกับความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality)
อ่านข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม
PRINCIPAL GFIXED
ลงทุนเชิงรุกแบบยืดหยุ่น ในตราสารหนี้โลกได้หลากหลายประเภท ที่มีคุณภาพและมี Yield สูง โดยมี PIMCO GIS Income เป็นกองทุนหลัก
ทำไมต้องลงทุนในตราสารหนี้โลก ?
  • การลงทุนในตราสารหนี้ (Fixed Income) เป็นการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนจากการสร้างกระแสเงินสดจากดอกเบี้ยรับเป็นหลัก รวมถึงการคาดหวังการเพิ่มขึ้นของราคาตราสาร
  • การลงทุนในตราสารหนี้โลก จะมีการลงทุนทั้งในตราสารภาครัฐและเอกชนที่มีคุณภาพจากทั่วโลก โดยส่วนใหญ่มักเน้นลงทุนในตราสารหนี้ของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Markets) ซึ่งเป็นตลาดที่มีประสิทธิภาพและมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง
  • Portfolio Tips : การจัดสัดส่วนการลงทุนของตราสารหนี้ในพอร์ตลงทุนรวม จะมีทั้งส่วนที่เป็นตราสารหนี้ภายในประเทศและตราสารหนี้โลก โดยตราสารหนี้โลกจะช่วยในเรื่องของการกระจายการลงทุนไปทั่วโลก และมีผลตอบแทนที่คาดหวังที่สูงกว่าตราสารหนี้ในประเทศในบางช่วงเวลา แต่แลกมาด้วยความผันผวนที่มากกว่าเช่นกัน
กองทุน PRINCIPAL GFIXED
  • กองทุนหลัก PIMCO GIS Income มุ่งลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลก ที่มีการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้หลากหลายประเภท ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนมีอันดับความน่าเชื่อถือเฉลี่ยระดับ AA- และมีอายุตราสารเฉลี่ยในพอร์ตการลงทุนประมาณ 3.4 ปี (ณ วันที่ 31 มี.ค. 67)
  • ทีมผู้จัดการกองทุนหลักมีประสบการณ์สูงกว่า 30 ปี มีจุดเด่นด้านกลยุทธ์การลงทุนที่ยืดหยุ่น อาศัยการวิเคราะห์เชิง Top-down และ Bottom-up เพื่อเฟ้นหาตราสารหนี้ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดให้กับพอร์ตการลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอ และพร้อมที่จะทำการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดอย่างสม่ำเสมอ
  • PIMCO GIS Income มีประวัติการจัดตั้งมาอย่างยาวนาน จึงทำให้กองผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วกับทุกวัฏจักรเศรษฐกิจ อีกทั้งกองยังได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนทั่วโลก โดยมี Total Net Assets สูงถึง 76,528 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้ PIMCO GIS Income เป็นหนึ่งในกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในโลกอีกด้วย (ณ วันที่ 31 มี.ค. 67)
  • ค่าธรรมเนียมเมื่อซื้อกองทุน (Front-end fee) = 0 สำหรับช่วงโปรโมชันเมื่อซื้อผ่าน InnovestX (จากปกติ 1.000%)
อ่านข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม
SCBGPROPA
ลงทุนใน REITs และอสังหาฯ ชั้นนำทั่วโลก กองทุนหลักบริหารโดย BlackRock
ทำไมต้องลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โลก (Global REITs)?
  • REITs คือ กองทุนสินทรัพย์ทางเลือกที่เข้าไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยจะสร้างให้ผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนทั้งในด้านการเติบโตของราคา รวมถึงการจ่ายเงินปันผล พร้อมเปิดให้นักลงทุนสามารถซื้อขายได้บนตลาดหลักทรัพย์ มีสภาพคล่องสูงกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โดยตรง
  • Portfolio Tips : การจัดสรรเงินลงทุนใน REITs บางส่วน เป็นการกระจายการลงทุน (Diversification) จากการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ ซึ่งเป็นสินทรัพย์หลักของพอร์ต รวมถึง REITs เป็นสินทรัพย์ที่ใช้ในการป้องกันเงินเฟ้อได้ด้วยเช่นกัน
กองทุน SCBGPROPA
  • กองทุนหลัก BGF World Real Estate Securities Fund กระจายลงทุนในหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ราว 60 – 90 หลักทรัพย์ โดยทีมผู้จัดการกองทุนหลักจะทำการประเมินปัจจัยพื้นฐานเพื่อเฟ้นหาหลักทรัพย์ที่มีคุณภาพสูง และมีมูลค่าเหมาะสมที่กระจายตัวอยู่ในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรมทั่วโลก
  • ค่าธรรมเนียมเมื่อซื้อกองทุน (Front-end fee) = 0 สำหรับช่วงโปรโมชันเมื่อซื้อผ่าน InnovestX (จากปกติ 1.610%)
ตัวอย่างหลักทรัพย์ในพอร์ตการลงทุน (ณ วันที่ 31 มี.ค. 67)
  • Prologis REIT: ผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก โดยเน้นการเป็นเจ้าของและมีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ด้านโลจิสติกส์ในกว่า 19 ประเทศทั่วโลก
  • Extra Space Storage REIT: กองทุน REITs ด้าน Self-storage ยักษ์ใหญ่ที่ให้บริการด้าน Storage Space มากกว่า 3,500 แห่งทั่วสหรัฐฯ
  • Equinix REIT: กองทุน REITs ระดับโลกผู้มีจุดเด่นในการให้บริการด้าน Data Centers ที่กระจายกระจายตัวอยู่ในหลากหลายภูมิภาคทั่วโลก
  • Welltower: กองทุน REITs ซึ่งเป็นผู้นำในการให้บริการด้าน Senior Housing และบริการด้านการแพทย์อื่น ๆ
  • Digital Realty Trust REIT: กองทุน REITs ที่มีขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ เน้นการให้บริการด้าน Data Center และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบดิจิทัล
อ่านข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม
SCBGOLDH
โอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีกับการลงทุนในทองคำ และเสริมกลยุทธ์การลงทุนให้พอร์ตแข็งแกร่ง
ทำไมต้องลงทุนในทองคำ?
  • ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายสำหรับใช้ในการสะสมความมั่งคั่ง โดยราคาของทองคำมักจะปรับตัวขึ้นสวนทางกับสินทรัพย์อื่นๆ ในยามที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ หรือวิกฤตด้านภูมิรัฐศาสตร์
  • Portfolio Tips: การจัดสรรสัดส่วนบางส่วนเพื่อลงทุนในทองคำ นอกจากเพื่อใช้กระจายความเสี่ยง (Diversification) แล้ว จะลดความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นต่อพอร์ตการลงทุนโดยรวมในยามที่มีตลาดการลงทุนมีความไม่แน่นอนสูงได้
กองทุน SCBGOLDH
  • กองทุนหลัก SPDR Gold Shares ETF (GLD) มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนให้สอดคล้องไปกับทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ โดยกองทุนลงทุนในทองคำแท่งความบริสุทธิ์ตั้งแต่ 99.5% ขึ้นไป และทองคำได้รับการจัดเก็บดูแลโดยสถาบันการเงินระดับสากลอย่าง JPMorgan Chase Bank, N.A. และ HSBC Bank
  • กองทุน SCBGOLDH มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าสินทรัพย์ที่ลงทุนในต่างประเทศ
  • ค่าธรรมเนียมเมื่อซื้อกองทุน (Front-end fee) = 0 สำหรับช่วงโปรโมชันเมื่อซื้อผ่าน InnovestX (จากปกติ 0.540%)
  • ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหลักทรัพย์ (Brokerage fee) = 0.150%
อ่านข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม
KKP ACT FIXED
ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยบริหารแบบ Dynamic
ทำไมต้องลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ?
  • การลงทุนในตราสารหนี้ (Fixed Income) เป็นการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนจากสร้างกระแสเงินสดจากดอกเบี้ยรับเป็นหลัก รวมถึงการคาดหวังการเพิ่มขึ้นของราคาตราสาร
  • การลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ เน้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และหุ้นกู้เอกชนคุณภาพดี เป็นการลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก และสูงกว่าเงินเฟ้อของไทยในระยะยาว
  • Portfolio Tips: การลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ เป็นส่วนของการลงทุนที่มีความผันผวนของราคาต่ำช่วยลดความผันผวน และระดับการขาดทุน (Drawdown) ของพอร์ตการลงทุนได้ดี โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง
กองทุน KKP ACT FIXED
  • กองทุนตราสารหนี้ระยะกลางที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ไทย มีเป้าหมายอายุตราสารเฉลี่ยในพอร์ตการลงทุนที่ 1 – 3 ปี และอันดับความน่าเชื่อถือเฉลี่ยระดับ A
  • กองทุนมีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจอยู่ตลอดเวลาทั้งในด้านอันดับความน่าเชื่อถือของตราสาร และการบริหารอายุตราสารเฉลี่ยในพอร์ต เพื่อหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่เหมาะสม
  • ทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์สูง มีการวิเคราะห์ Bottom-up อย่างเชิงลึกเพื่อหาตราสารหนี้ที่มีคุณภาพสูง และให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยง
อ่านข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม
ASP-DPLUS
สภาพคล่องสูง ได้ผลตอบแทนที่เสถียรในทุกสภาวะตลาด พร้อมช่วยลดความผันผวนของพอร์ตลงทุน
ทำไมต้องลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น?
  • กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุสั้นที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี หรือ อายุเฉลี่ยของตราสารในพอร์ตโดยไม่เกิน 1 ปี มีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับอัตราดอกเบี้ยในตลาดค่อนข้างต่ำ
  • Portfolio Tips: สำหรับพอร์ตการลงทุนความเสี่ยงต่ำ กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ถือเป็นส่วนสำคัญในพอร์ตเนื่องจากเป็นการลงทุนที่เน้นการรักษาเงินต้น (Capital Preservation) รวมถึงเหมาะสำหรับการใช้เป็นแหล่งพักเงินระยะสั้น โดยคาดหวังผลตอบแทนใกล้เคียงกับเงินฝาก
กองทุน ASP-DPLUS FIXED
  • เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นในไทย มีเป้าหมายอายุเฉลี่ยของตราสารในพอร์ตที่ 3 – 6 เดือน และอันดับความน่าเชื่อถือเฉลี่ยระดับ BBB+ ถึง A-
  • กองทุนมีการบริหารความเสี่ยงที่ดี ไม่เคยมีผลการดำเนินงานรายวันติดลบตั้งแต่จัดตั้งกองทุน ในขณะที่ยังสร้างผลตอบแทนได้เหมาะสม
อ่านข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม
SCBS&P500, SCBS&P500A
ทำไมต้องลงทุน
  • S&P500 ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ มัดรวมบริษัทใหญ่ระดับโลก 500 แห่ง และเป็นดัชนีที่ผู้ลงทุนนิยมลงทุนตามมากที่สุดอันดับหนึ่งของโลก
  • โอกาสเติบโตไปพร้อมกับบริษัทนำเทรนด์ของโลก
  • กระจายการลงทุนครอบคลุมหุ้นขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ และครอบคลุมหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่โดดเด่น เช่น Apple, Microsoft, Alphabet, Amazon, Meta, Nvidia และ Tesla เป็นต้น
  • ลงทุนใน iShares Core S&P 500 ETF (IVV) ซึ่งกองทุนหลักมีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของ S&P500 Index
  • ผลตอบแทนเฉลี่ย S&P500 Index ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา 12.61% ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 31/1/2567)
ตัวอย่างหุ้นที่ลงทุน ( ข้อมูล ณ วันที่ 12/2/2567)
MSFT :  บริษัทผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
AAPL :  บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ทุกคนรู้จักอย่าง iPhone
NVDA :  บริษัทผู้ผลิต GPU และชิปประมวลผลเบอร์หนึ่งของโลก
AMZN :  บริษัท E-Commerce ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
META :  บริษัทผู้พัฒนาโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มเบอร์ต้นของโลก
source : SPGlobal, MSCI and SCBAM as of 31 Dec 2023
อ่านข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม
SCBRS2000(A)
ทำไมต้องลงทุน
  • Russell 2000 Index ครอบคลุมการลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก 2,000 ตัว หรือคิดเป็น 13% ของมูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งหมด ทำให้ไม่ต้องพึ่งพาผลการดำเนินงานของบริษัทใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง
  • หุ้นขนาดเล็กมีโอกาสในการเติบโตสูง ผ่านการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ และความสามารถในการขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว
  • หุ้นขนาดเล็กมักยังไม่เป็นที่สนใจของนักลงทุน จึงทำให้มีโอกาสในการเข้าถึงหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโต และ Undervalued ที่ถูกมองข้าม
  • กองทุนหลัก iShares Russell 2000 ETF (IWM) มีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของ Russell 2000 Index
  • กองทุนหลักมีผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 6.7% ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 31/1/2567)
ตัวอย่างหุ้นที่ลงทุน ( ข้อมูล ณ วันที่ 12/2/2567)
Super Micro Computer :  ผู้ผลิต Server และชิ้นส่วนสำหรับ Data Centre ระดับโลก
E.L.F. Beauty :  บริษัทเครื่องสำอาง และสกินแคร์แนวหน้าในสหรัฐฯ
Microstrategy :  บริษัทมหาชนผู้ถือครองบิตคอยน์เบอร์ต้นของโลก
Comfort Systems :  บริษัทผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศในสหรัฐฯ
Onto Innovation :  บริษัทที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์
*ข้อมูลปี 2000-2020
source : FTSERussell and MSCI as of 31 Dec 2023; SCBAM as of 9 Sep 2022
อ่านข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม
SCBGHC, SCBGHCA
ทำไมต้องลงทุน
  • แนวโน้มประชากรโลกมีอายุยืนขึ้น และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยมีคาดการณ์ว่าภายในปี 2050 ผู้สูงอายุจะคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 6 ของประชากรโลก เป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันความต้องการด้านสุขภาพในอนาคต
  • ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีผลักดันให้มีการคิดค้นนวัตกรรมการแพทย์อย่างมากในทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งด้าน BioTech, Medical Devices และ Pharmaceuticals และคาดว่าการพัฒนานี้จะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น เครื่องมือการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น การคิดค้นยารักษาโรคชนิดใหม่ๆ และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการตัดต่อพันธุกรรม ทำให้ธุรกิจเฮลธ์แคร์พร้อมก้าวขึ้นเป็นหนึ่งใน Megatrends แห่งโลกอนาคต
  • กองทุนหลัก Janus Henderson Global Life Science ที่จัดตั้งมาแล้วกว่า 20 ปี ลงทุนในหุ้นกลุ่มการแพทย์ทั่วโลกที่มีพื้นฐานดีและมีมูลค่าที่เหมาะสมราว 80-120 บริษัท
  • ผสมผสานการลงทุนในหุ้นการแพทย์หลากหลายกลุ่มได้อย่างลงตัว ทั้งกลุ่ม BioTech ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และกลุ่ม Traditional Healthcare ที่มีความทนทานต่อสภาวะเศรษฐกิจ
  • กองทุนหลักมีผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 10.2% ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 31/1/2567)
ตัวอย่างหุ้นที่ลงทุน ( ข้อมูล ณ วันที่ 31/12/2566)
UnitedHealth Group :  บริษัทผู้ให้บริการด้านสุขภาพอย่าง ครบวงจรขนาดใหญ่จากสหรัฐฯ
Eli Lilly :  บริษัทผู้ผลิตยารักษาโรคขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
Novo Nordisk :  บริษัทผู้ผลิตยาชั้นนำของยุโรป ผู้เชี่ยวชาญ ด้านยารักษาโรคเบาหวาน
AstraZeneca :  บริษัทผู้ผลิตยาและวัคซีนโรคสำคัญต่างๆ มากมาย
Merck & Co :  บริษัทผู้ผลิตยายักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ
อ่านข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม
SCBSEMI(A)
ทำไมต้องลงทุน
  • ชิปเซมิคอนดักเตอร์ หัวใจหลักไซส์จิ๋วของนวัตกรรมแห่งโลกอนาคตและอุปกรณ์สมัยใหม่ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน รถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์
  • ท่ามกลางการเติบโตของเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการมาถึงของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ A.I. ส่งผลให้ความต้องการชิปเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
  • การผลิตชิปมีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ จึงทำให้หลายประเทศทั่วโลกพยายามดึงดูดเหล่าผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ให้เข้ามาลงทุนในประเทศ โดยเสนอทั้งเงินอุดหนุน การลดหย่อนภาษี และแรงจูงใจอื่น ๆ
  • กองทุนหลัก VanEck Semiconductor UCITS ETF (SMH) มีนโยบายการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ 25 ตัว ที่เป็น Pure-Play หรือมีรายได้อย่างน้อย 50% จากเซมิคอนดักเตอร์
  • กองทุนหลักมี Total Expense Ratio เพียง 0.35%
  • กองทุนหลักมีผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ที่ 17.78% ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 31/1/2567)
Top 5 Holdings
(Performance ปี 2023)
• Broadcom
ผู้เชี่ยวชาญด้านชิปความเร็วสูง (+99%)
• ASML
ผู้ผลิตเครื่องจักร Lithography ล้ำสมัย (+35%)
• Nvidia
ผู้ออกแบบและผลิตชิป GPU ที่ทรงพลังที่สุดในโลก (+238%)
• TSMC
ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดในโลก (+32%)
• AMD
ผู้ผลิตชิป CPU และ GPU (127%)
source : Silicon Alchemists & AI: 2023 Semiconductors Outlook as of Jun 2023. VanEck and SCBAM as of 31 Dec 2023.
อ่านข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม
SCBINDIA, SCBINDIAA
ทำไมต้องลงทุน
  • เศรษฐกิจอินเดียมีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจมาก โดย IMF คาดการณ์ว่า GDP ของอินเดียจะยังสามารถเติบโตในระดับ 6.5% ต่อเนื่องไปอีกในปี 2024-2025
  • อินเดียมีประชากรแซงจีนขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยอยู่ที่ประมาณ 1.4 พันล้านคน ช่วยหนุนให้เศรษฐกิจอินเดียได้รับประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศ ทั้งยังมีวัยแรงงานที่ยังคงเติบโตเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปในระยะข้างหน้า
  • ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการเป็นศูนย์กลางการลงทุนใหม่ของบริษัทข้ามชาติ ทำให้เศรษฐกิจอินเดียยังคงมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกในอนาคต โดยอินเดียยังถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตอันเนื่องมาจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ – จีนอีกด้วย
  • กองทุนหลัก iShares India 50 ETF (INDY) ลงทุนในหุ้นอินเดียขนาดใหญ่ที่สุด 50 ตัว โดยเรียงตามมูลค่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) มุ่งหวังสร้างผลตอบแทนให้สอดคล้องกับดัชนี Nifty 50
  • กองทุนหลักมี Total Expense Ratio เพียง 0.89%
Top 5 Holdings
(5Y Annualized Performance as of 31 Jan 2024)
HDFC Bank :   ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดในอินเดีย (7.83%)
Reliance Industries :   อาณาจักรยักษ์ใหญ่ผู้ทำธุรกิจหลากหลายด้าน เช่น ธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมี ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจสื่อ และอื่นๆ อีกมากมาย (21.28%)
ICICI Bank :  ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่อันดับ 2 ในอินเดีย (23.52%)
Infosys :  ผู้ให้บริการ IT Consult Services ที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย (20.03%)
Tata Consultancy Services :  ผู้ให้บริการ IT Consult Services ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในอินเดีย (16.34%)
source : SCBAM as of Dec 2023; Bloomberg and IMF as of 31 Jan 2024, iShares as of 21 Feb 2024
คำเตือน : ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต 
อ่านข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม
SCBNK225D, SCBNK225
ทำไมต้องลงทุน
  • ดัชนี Nikkei 225 พุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ (All-time High) ในรอบ 34 ปี สะท้อนปัจจัยอย่าง การพัฒนาเชิงบวกของระบบเศรษฐกิจในรอบ 30 ปี และการปรับปรุงด้าน Corporate Governance
  • เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างครั้งสำคัญที่อาจนำไปสู่การหลุดพ้นออกจากวงจรเงินฝืดเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี
  • การปรับปรุงด้าน Corporate Governance ของบริษัทญี่ปุ่น การเจรจาปรับขึ้นเงินเดือน (Shunto) และการมีบัญชีสำหรับการลงทุนใหม่ (NISA) จะช่วยสนับสนุนการเข้าลงทุนในบริษัทญี่ปุ่นในระยะต่อไป
  • บริษัทญี่ปุ่นยังเป็นผู้นำทางด้าน Robotics & Automations หนึ่งใน เมกะเทรนด์แห่งโลกอนาคตที่มีแนวโน้มเติบโตสอดคล้องไปกับเทรนด์การเติบโตของ AI
  • การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจะผลักดันให้ญี่ปุ่นกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีที่สำคัญ
  • ปัจจุบัน Bloomberg Consensus คาดการณ์ว่าบริษัทญี่ปุ่นในดัชนี Nikkei 225 จะมีอัตราการเติบโตของกำไรให้อีก 12 เดือนข้างหน้าที่ระดับ 21.03%
  • กองทุนหลัก NEXT FUNDS Nikkei 225 ETF (1321 JP) มุ่งหวังสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี Nikkei 225 ของประเทศญี่ปุ่น
  • ดัชนี Nikkei 225 ประกอบไปด้วย 225 บริษัทชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ครอบคลุมกว่า 36 อุตสาหกรรมย่อยในเศรษฐกิจญี่ปุ่น
Top 5 Holdings
(5Y Annualized Performance as of 31 Jan 2024)
Fast Retailing :   บริษัทโฮลดิ้งผู้เป็นเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าชื่อดัง อย่าง Uniqlo (20.02%)
Tokyo Electron :   ผู้ผลิตอุปกรณ์ในการทำชิปเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำ (43.89%)
Advantest :  ผู้ผลิตอุปกรณ์ทดสอบอัตโนมัติสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (59.13%)
Softbank :  บริษัทโฮลดิ้งสัญชาติญี่ปุ่นผู้โด่งดังด้านการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัป (9.50%)
KDDI Corp. :  บริษัทผู้ให้บริการด้านระบบเครือข่ายเบอร์ต้นของญี่ปุ่น (16.54%)
source : SCBAM as of Dec 2023; Next Funds, Bloomberg as of 31 Jan 2024
คำเตือน : ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต 
อ่านข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม
SCBCHA, SCBCHAA
ทำไมต้องลงทุน
  • ประเทศจีนมีมูลค่าสัดส่วนทางเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ ตลาดหุ้นจีนเป็นตลาดที่มีมูลค่าใหญ่เป็นอัน 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ แต่กลับมีสัดส่วนใน MSCI All Country World Index ที่เป็นดัชนีชี้วัดหุ้นโลกเพียง 3%
  • หุ้นจีน A-Shares ยังคงมีการถือครองโดย Retail Investors เป็นสัดส่วนใหญ่ โดย China authorities มีการดำเนินมาตรการเพื่อให้ต่างชาติสามารถเข้าถือครองได้มากขึ้น ประกอบกับผู้จัดทำดัชนีสากลอย่าง MSCI ได้มีการทยอยเพิ่มสัดส่วนหุ้นจีน A-Shares มากขึ้นในดัชนีชี้วัดต่างๆ จึงเป็นโอกาสในระยะยาวของหุ้นจีน A-Shares ที่ปัจจุบันยังมีการถือโดยต่างชาติในสัดส่วนที่น้อย
  • การกระจายการลงทุนในหุ้นจีน A-Shares สามารถช่วยเรื่องการกระจายความเสี่ยงได้ดี เนื่องจากมี Correlation เทียบกับหุ้นโลกในสัดส่วนที่ต่ำ และช่วยเรื่องการลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน
  • Domestic consumption: การเติบโตของเศรษฐกิจช่วยหนุนกลุ่มการบริโภคและการบริการ
  • Innovation and Automating: การพัฒนาของ AI, Big Data ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้กับหลายกลุ่มอุตสาหกรรม
  • กองทุนหลัก ChinaAMC CSI 300 ETF ลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี CSI 300 โดยมุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดังกล่าว
  • ดัชนี CSI 300 คือดัชนีที่รวบรวมหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ A-Shares 300 ตัวใหญ่สุดและมีสภาพคล่องในตลาดหุ้นจีน A-Shares
  • ตั้งแต่มีการจัดทำดัชนี CSI 300 ในปี 2002 ดัชนีสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้ประมาณ 6% ต่อปี
Top 5 Holdings
(5Y Annualized Performance as of 31 Jan 2024)
Kweichow Moutai :   ผู้ผลิตสุราพรีเมียมชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลก (20.43%)
Ping An Insurance :   บริษัทประกันภัยที่ใหญ่ที่สุดในจีน มีความเด่นด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการให้บริการแก่ลูกค้า และมีการลงทุนในนวัตกรรมใหม่ๆ (-4.86%)
Contemporary Amperex Technology :  บริษัทผู้ผลิตและพัฒนาแบตเตอรี่ระดับที่มีประสิทธิภาพและเทคโนโลยีสูง ซึ่งมีการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด (29.37%)
China Merchants Bank :  ธนาคารเอกชนชั้นนำในจีน เด่นด้านการใช้เทคโนโลยีในการให้บริการทางการเงินและนวัตกรรมทางการเงิน (4.68%)
Midea Group :  บริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่จากจีน (9.32%)
source : JPMAM as of Mar 2023; Bentley Reid as of Nov 2023; MSCI as of 2019; Bloomberg and Allianz as of Jan 2024; UBS as of Dec 2023; SCBAM and ChinaAMC as of Dec 2023.
คำเตือน : ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต 
อ่านข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม
SCBEUEQ, SCBEUEQA
ทำไมต้องลงทุน
  • Industry Leadership: การลงทุนในหุ้นยุโรปเป็นหนึ่งในทางเลือกให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงหุ้นที่โดดเด่นของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มยารักษา กลุ่มยานยนต์ กลุ่มธนาคาร กลุ่มสินค้าหรูหรา และกลุ่มเทคโนโลยี เป็นต้น
  • Stable Political & Regulation: เนื่องจากยุโรปเป็นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ทำให้สภาพการเมืองและกฎระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ มีเสถียรภาพ เหมาะกับการดำเนินธุรกิจและการลงทุน
  • Valuation: หุ้นยุโรปมักจะถูกประเมินราคาต่ำกว่าหุ้นในสหรัฐฯ เป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มีลักษณะ Value-oriented
ระดับ P/E Ratio ของ STOXX600 เทียบกับ P/E Ratio ของดัชนีหุ้นโลกตั้งแต่ปี 2006
  • Diversification: หุ้นยุโรปมักเป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับการใช้กระจายการลงทุน เนื่องจากมีหลากหลายประเทศ และความโดดเด่นของหุ้นแต่ละประเทศก็มีความหลากหลาย จึงเหมาะแก่การลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยง ทั้งในด้านความหลากหลายของกลุ่มอุตสาหกรรมและค่าเงิน
  • Dividend Yield: หุ้นยุโรปมักจะให้อัตราผลตอบแทนจากปันผลที่น่าสนใจ จึงทำให้เหมาะแก่นักลงทุนที่มีลักษณะ Income-oriented
  • GRANOLAS: กลุ่มหุ้นยุโรปชื่อดังขนาดใหญ่ 11 บริษัท ประกอบไปด้วย GSK, Roche, ASML, Nestlé, Novartis, Novo Nordisk, L’Oréal, LVMH, AstraZeneca, SAP, และ Sanofi ซึ่งเป็นผู้นำหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งด้านการแพทย์ สินค้าหรูหรา ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย และครอบคลุมมูลค่าตลาดเกือบ 1 ใน 4 ของตลาดหุ้นยุโรป (ดัชนี STOXX600, ที่มา CNBC) โดยมีผลการดำเนินงานเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 17% ต่อปี (120%) (ข้อมูลผลตอนแทน ณ วันที่ 4/3/2024, ที่มา Bloomberg) กลุ่มหุ้นที่โดดเด่นไม่แพ้กับกลุ่ม Magnificent 7 ของสหรัฐฯ
  • กองทุนหลัก ChinaAMC CSI 300 ETF ลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี CSI 300 โดยมุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดังกล่าว
  • กองทุนหลัก iShares STOXX Europe 600 UCITS ETF (EXSA) เน้นสร้างผลตอบแทนให้สอดคล้องไปกับผลตอบแทนของดัชนี STOXX 600
  • ดัชนี STOXX 600 กระจายลงทุนในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ครอบคลุมบริษัททุกขนาด ทั้งใหญ่ กลาง เล็ก กว่า 600 แห่ง จาก 17 ประเทศในทวีปยุโรป
Top 5 Holdings
(5Y Annualized Performance as of 31 Jan 2024)
Novo Nordisk :   บริษัทยายักษ์ใหญ่ที่เด่นด้านการผลิตและพัฒนายาเพื่อการรักษาโรคเบาหวาน (41.04%)
ASML :   บริษัทชั้นนำทางด้านเทคโนโลยีในการผลิตเครื่องมือสำหรับการผลิตชิป Semiconductor (40.54%)
Nestle :  บริษัทระดับโลกในด้านผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม (5.24%)
LVMH :  บริษัทผู้ผลิตแบรนด์สินค้าหรูหราชั้นนำระดับโลก (24.33%)
Novartis :  บริษัทยาชั้นนำผู้วิจัย พัฒนา และผลิตยาเพื่อรักษาโรคต่างๆ (8.26%)
source : iShares and SCBAM as of Jan 2023; Bloomberg as of 22 Feb 2024
คำเตือน : ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต 
อ่านข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม
Robo Advisor
คัด จัดและปรับพอร์ตลงทุนอัตโนมัติ โดยมุมมองการลงทุนจากผู้เชี่ยวชาญของ InnovestX (House View) ตามสภาวะตลาด เป้าหมายการลงทุน และระดับความเสี่ยงที่เลือก
Guru Portfolio
คัดกูรูการลงทุนชั้นนํา สร้างพอร์ตกองทุน ให้คุณเลือกลงทุนได้หลากหลายสไตล์ พร้อมจัดและปรับพอร์ตลงทุนแบบอัตโนมัติ
Wealth Idea
คัดกองทุนเด่น พร้อมคำแนะนำการลงทุนฉบับย่อและย่อยมาให้แล้ว อะไรน่าลงทุน มีโอกาสทำกำไร พร้อมข้อมูลประกอบครบจากผู้เชี่ยวชาญ InnovestX อัปเดตทุกสัปดาห์ ไม่พลาดโอกาสทำกำไร
คัดสูตรกองทุนลดหย่อนภาษี
SSF / RMF / Thai ESG
Tax Corner
ทําให้เรื่องกองทุนลดหย่อนภาษีเป็นเรื่องง่ายๆ ได้ทั้งลดหย่อนภาษี และเลือกจัดพอร์ตลงทุนในแบบคุณ
คัดสูตรการซื้อกองทุน SSF RMF และ Thai ESG จากผู้เชี่ยวชาญที่จัดมาให้ ในแบบที่เหมาะกับสไตล์การลงทุนของคุณ ด้วยวัตถุดิบชั้นดีจากกองทุนลดหย่อนภาษีมากถึง 19 บลจ.
ทําให้เรื่องกองทุนลดหย่อนภาษีเป็นเรื่องง่ายๆ ได้ทั้งลดหย่อนภาษี และเลือกจัดพอร์ตลงทุนในแบบคุณ

คัดสูตรการซื้อกองทุน SSF RMF และ Thai ESG จากผู้เชี่ยวชาญที่จัดมาให้ ในแบบที่เหมาะกับสไตล์การลงทุนของคุณ ด้วยวัตถุดิบชั้นดีจากกองทุนลดหย่อนภาษีมากถึง 19 บลจ.
คัดสูตรลงทุน ปูทางสร้างพอร์ต
โตด้วย DCA
กลยุทธ์ลงทุนแบบ DCA เป็นการลงทุนแบบสม่ําเสมอ กระจายความเสี่ยง และสร้างวินัยการออมและการลงทุน เพื่อความมั่งคั่งระยะยาว โดยนําเงินจํานวนเท่า ๆ กันทุกงวดไปลงทุนในสินทรัพย์ที่เราเลือกลงทุนไว้ในระยะเวลาเท่า ๆ กัน อ่านเพิ่มเติม การลงทุนแบบ DCA คืออะไร
เงินลงทุน
มูลค่าพอร์ต
เมื่อลงทุน DCA เดือนละ 2,000 บาท ใน iShares Core S&P 500 ETF ระยะเวลา 10 ปี
ลงทุนเดือนละ
จำนวนเดือน
มูลค่าเงินลงทุน
มูลค่าพอร์ต
กำไร (รวมเงินปันผล)
2,000
120
240,000
459,441
219,441
บาท
เดือน
บาท
บาท
บาท
การเติบโตจากเงินต้น
เฉลี่ย
91.43%
6.71%
 
ต่อปี
หมายเหตุ:
  • ข้อมูลจาก Bloomberg, InnovestX
  • ผลตอบแทนคํานวนจากกองทุน iShares Core S&P 500 ETF ที่มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียง S&P500 Index โดยตัวอย่างนี้ไม่รวมคํานวณถึงค่าใช้จ่ายอันได้แก่ ต้นทุนการทําธุรกรรม ต้นทุนป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน และค่าใช้จ่ายอื่นใดที่อาจเกิดขึ้น สมมติลงทุนในทุกวันทําการสุดท้ายของเดือน
  • ตัวอย่างนี้เป็นเพียงการแสดงให้เห็นถึงการลงทุนถัวเฉลี่ยรายเดือนตามสมมติฐาน ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนจริงอาจแตกต่างกันไปจากตัวอย่าง ดังนั้นควรศึกษาและทําความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
เริ่มลงทุนกองทุนรวมกับ InnovestX
นักลงทุนทุกคนสามารถเริ่มลงทุนกองทุนรวมกับ InnovestX ได้ง่าย ๆ เพียงทำตาม 4 ขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. ดาวน์โหลดแอป
ดาวน์โหลดแอป InnovestX
เมื่อดาวโหลดแอปแล้วกดปุ่มเริ่มต้นใช้งานเพื่อ เปิดบัญชีกองทุนรวมได้สะดวกผ่านทางออนไลน์
หรือเปิดบัญชีลงทุนที่ธนาคาร
สามารถสมัครเปิดบัญชีกองทุนรวม ได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขา
2. ยืนยันตัวตน
3. กรอกข้อมูลเปิดบัญชีที่เดียว ลงทุนได้ทุก บลจ.
4. เปิดบัญชีสำเร็จ
สนใจเริ่มลงทุนกับ InnovestX
เพียงกรอกข้อมูลด้านล่าง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ
คู่มือการใช้งานเพื่อการลงทุน
ขอรับเอกสารหนังสือรับรองการลงทุน
ในการซื้อกองทุนประเภท SSF หรือ กองทุน RMF เพื่อลดหย่อนภาษีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทุกบริษัทจะจัดส่งเอกสารหนังสือรับรองการลงทุนให้ กับลูกค้าทางไปรษณีย์ หรืออีเมลตามที่ลูกค้าแจ้งไว้เมื่อตอนเปิดบัญชีลงทุนกับ InnovestX ในกรณีที่ลูกค้าไม่ได้รับเอกสาร ลูกค้าสามารถขอเอกสารกับ บลจ. ได้ใหม่ โดยดูรายละเอียดได้ที่หน้า Tax Corner ในแถบเมนู “ช่องทางแจ้งความประสงค์ใช้สิทธิขอยกเว้นภาษีเงินได้ 19 บลจ.”
ระยะเวลาซื้อขายกองทุน
ระยะเวลาในการซื้อขายกองทุนรวม การซื้อขายกองทุนรวมจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการที่แตกต่างกัน ขึ้นกับนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุน
ช่องทางการติดต่อ
ช่องทางติดต่อ บลจ. เรามีกองทุนมากกว่า 1,800 กองทุน จาก 21 บลจ.

Promotion

โปรโมชันและสิทธิพิเศษ
MF_best_1200x628 สร้าง Core Portfolio กับกองทุนแกร่ง โอกาสเติบโตยาว พร้อมดีลพิเศษ ! INVX_Q_ROP_1200x628 ร่วมกิจกรรมตอบแบบสอบถาม และเสนอความคิดเห็นของคุณกับ InnovestX
INVX_Point_AW_1200x580 INVX Point ให้ทุกการเทรดของคุณ คุ้มค่ายิ่งขึ้น INVX กองทุน MFC_resize1200x580 InnovestX MFC SAVE TAXES, SAVE THE WORLD
Banner 1200 x 580 SCB CardX Rewards สิทธิพิเศษเฉพาะผู้ถือบัตรเครดิต SCB

FAQs

คำถามพบบ่อย
ค่าธรรมเนียมกองทุน มีอะไรบ้าง?

ค่าธรรมเนียมที่กองทุนเรียกเก็บจากนักลงทุน แบ่งใหญ่ๆ ได้เป็น 2 แบบ ยึดตามข้อมูลในหนังสือชี้ชวน

1.“ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ถือหน่วย”

2 “ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุนรวม” รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก 


ซื้อขายกองทุนวันนี้ ได้ NAV ของวันไหน?

NAV (Net Asset Value) หรือมูลค่าทรัพย์สินสุทธิระยะเวลาในการซื้อขายกองทุนรวม


การซื้อขายกองทุนรวมจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการที่แตกต่างกัน ขึ้นกับนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุน

หลังจากลูกค้าส่งคำสั่งซื้อขายบนแอปพลิเคชัน InnovestX ลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะคำสั่งได้ในเมนู ACTIVITY


หากต้องการดูรายการคำสั่งย้อนหลัง สามารถกดปุ่ม ตัวกรอง ที่มุมขวาบน เพื่อเลือกเดือนที่ต้องการ รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก 


วิธีตรวจสอบสถานะกองทุน

ลูกค้าสามารถทำรายการตรวจสอบสถานะการลงทุนในกองทุนรวมได้ด้วยตนเองผ่านแอป InnovestX โดยปฏิบัติตามขั้นตอนในลิ้งก์นี้ครับ คลิก


ขั้นตอนการ "ซื้อ-ขาย-สับเปลี่ยน” กองทุนรวม ผ่านแอป InnovestX

ลูกค้าสามารถทำรายการได้ด้วยตนเองผ่านแอป InnovestX โดยปฏิบัติตามขั้นตอนด้านล่างนี้


ซื้อกองทุนรวม 
คลิก


ขายกองทุนรวม
คลิก


สับเปลี่ยนกองทุนรวม 
คลิก


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำรายการอื่นๆ เกี่ยวกับแอปพลิเคชัน
คลิก 


หากซื้อกองทุนรวมจะถูกตัดเงินผ่านช่องทางใด

ลูกค้าสามารถเลือกให้ตัดเงินผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกไว้ หรือบัญชีบริหารเงินสดก็ได้ โดยลูกค้าต้องเตรียมเงินในบัญชีบริหารเงินสดให้เพียงพอต่อรายการที่ท่านเลือกซื้อกองทุน

หากเงินในบัญชีบริหารเงินสดไม่เพียงพอต่อการทำรายการ สามารถซื้อกองทุนรวมได้หรือไม่

ลูกค้าไม่สามารถซื้อกองทุนรวม หากเงินในบัญชีบริหารเงินสดไม่เพียงพอต่อการทำรายการนั้นได้ โดยลูกค้าจะต้องเติมเงินในบัญชีบริหารเงินสดให้เพียงพอก่อนทำรายการอีกครั้ง

สามารถตั้ง DCA (การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุนรายเดือน) ผ่านบัญชีบริหารเงินสดได้หรือไม่

ลูกค้าสามารถตั้งรายการลงทุนแบบ DCA ในกองทุนรวม โดยตั้งค่าแบบรายเดือนอัตโนมัติบนแอป InnovestX ได้ โดยมีวิธีการดังนี้

1. เลือกกองทุนรวมที่ต้องการซื้อ

2. เลือก "รายเดือน" ตรงประเภทการลงทุน

3. ระบุวันที่ที่ต้องการตั้งลงทุนรายเดือน

4. ระบุจำนวนเงินที่ต้องการจะลงทุน

5. กดยอมรับความเสี่ยง

6. กดยืนยัน

*หมายเหตุ เฉพาะลูกค้าที่มีบัญชีมีบัญชีอัตโนมัติ (ATS) เท่านั้น

สามารถยกเลิกรายการซื้อกองทุนรวมได้หรือไม่

ลูกค้าสามารถยกเลิกรายการซื้อได้หากท่านยกเลิกรายการก่อน cut-off time ของกองทุน โดยระบบจะคืนเงินให้ในบัญชีบริหารเงินสดทันที

Still need help?

หากคุณยังมีข้อสงสัย คุยกับเราเลย
คำเตือน

“ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน”

กลับด้านบน